ข้อระวังในการบริโภคคาเฟอีน

สารกาเฟอีนหรือคาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารที่ร่างกายจะดูดซึมจากทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือดที่มีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจและการไหลเวียนของโลหิต คาเฟอีนพบได้ในเครื่องดื่มหลากหลายชนิด เช่น กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม คาเฟอีนช่วยเพิ่มความตื่นตัวและสมาธิ แต่การบริโภคคาเฟอีนเกินขนาดหรือไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนั้น ควรทราบข้อควรระวังต่อไปนี้ในการใช้เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน อาจก่อให้เกิดอันตรายหากได้รับในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นประจำ ข้อระวังในการบริโภคคาเฟอีน การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับผู้ใหญ่ การบริโภคคาเฟอีนไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณกาแฟ 4 แก้ว การบริโภคเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หัวใจเต้นเร็ว หงุดหงิด นอนไม่หลับ และคลื่นไส้ เด็กและวัยรุ่นไม่ควรบริโภคคาเฟอีนเกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 แก้วกาแฟ การบริโภคคาเฟอีนเกินขนาดในวัยนี้อาจมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การพัฒนา และการนอนหลับ ตัวอย่างเช่น เมนูกาแฟในร้าน Starbucks เอสเปรสโซ 1 ช็อต มีปริมาณคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม หรือ ลาเต้ ปริมาณคาเฟอีน 150 มิลลิกรัม ในแต่ละเมนูจะมีคาเฟอีนที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นควรเลือกดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพของเรา ความเครียดและความวิตกกังวล … Read more

“ขยับแค่ไหนถึงจะพอ” คำแนะนำสำหรับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี

การเคลื่อนไหวร่างกายหรือการออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การทำกิจกรรมทางกายไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพจิตและการควบคุมน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม คำถามที่สำคัญคือ “ขยับแค่ไหน ถึงจะพอ?” การเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้จำกัดเฉพาะการออกกำลังกาย แต่รวมถึงการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันและการทำงานด้วย การทำกิจกรรมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอช่วยส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดในสมองตีบ โรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ โรคอ้วน โรคมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การมีพฤติกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายและส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แนวทางการออกกำลังกายที่เหมาะสม 1. ความเข้มข้นของการออกกำลังกาย สำหรับการออกกำลังกายระดับปานกลาง (Moderate-intensity activity) เช่น เดินเร็ว ขี่จักรยาน หรือทำสวน ควรทำอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังกายระดับสูง (Vigorous-intensity activity) เช่น วิ่ง แอโรบิก หรือกีฬาเข้มข้น ควรทำอย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ ควรรวมการออกกำลังกายที่สร้างกล้ามเนื้ออย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ 2. การผสมผสานระหว่างประเภทของการออกกำลังกาย ควรผสมผสานการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic exercise) และการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ (Strength training) เพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ 3. … Read more

ตัวช่วยคนไทยให้สุขภาพดีมีสุขด้วยแอปพลิเคชัน “ไทยสุข”

กลุ่มโรคอันดับหนึ่งที่คร่ำชีวิตคนไทยในปัจจุบันคือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือที่เรียกกันว่า “เอ็นซีดี” (non-communicable diseases) เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โขมันในเลือดสูง ซึ่งแม้ว่าการดำเนินโรคจะเซ็นไปอย่างช้า ๆ ไม่กระโตกกระตาก แต่จริง ๆ แล้วมีการสะสมอาการอย่างต่อเนื่อง แล:ก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงขึ้นอย่างโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไตเรื้อร้ง ฯลๆ นำไปสู่การสูญเสี่ย ไม่ว่าจะเสี่ยเวลา เสียเงิน ไปจนถึงเสี่ยชีวิตถ้าถามถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคกลุ่มนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประเมินว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลัก 4 อย่าง คือ ลดอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มการออกกำลังกาย ไม่สูบบุหรี่ และจำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ จะช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ประมาณร้อยละ 80 และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ประมาณ 1 ใน 3 ดังนั้นหากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรรมการใช้ชีวิตโดยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมพักผ่อนให้พอเพียง ร่วมกับการจดบันทึกและติดตามสุขภาพเป็นประจำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเหล่านี้ได้ ผู้ที่กำลังวางแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อยากออกกำลังกาย อยากดูแลสุขภาพ และอยากได้ผู้ช่วยที่จะมาคอยอำนวยความสะดวกให้แผนการมีสุขภาพดีดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด กองบรรณาธิการสาระวิทย์มีแอปพลิเคชันผลงานนักวิจัยไทย ดาวน์โหลดง่าย ใช้ฟรี มาแนะนำให้ลองใช้กัน … Read more

ยุ่งจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย? 5 เคล็ดลับเพิ่มกิจกรรมทางกาย

การรักษาสุขภาพที่ดีต้องขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม แต่ในชีวิตประจำวันที่ต้องทำงานหนักและยุ่งเหยิง บางครั้งการหาเวลาเพื่อออกกำลังกายอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย ดังนั้น เรามีเคล็ดลับ 5 ข้อที่ช่วยเพิ่มกิจกรรมทางกายให้แก่คุณง่ายๆ สามารถทำเองได้ 1. ตั้งเป้าหมายและวางแผน การวางแผนเป้าหมายในการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมีการจัดการเวลาได้มากขึ้น กำหนดเวลาที่เหมาะสมในแต่ละวันที่สามารถทำกิจกรรมออกกำลังกายได้ เช่น ตอนเช้าหลังตื่นนอนหรือตอนเย็นหลังเลิกงาน 2. ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ ใช้แอพพลิเคชั่นหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวที่ช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น แอพพลิเคชั่นติดตามการเดิน การวิ่งหรือการฟิตเนส หรือนาฬิกาข้อมือที่มีฟังก์ชันตรวจสุขภาพ 3. แบ่งกิจกรรมออกเป็นส่วนย่อย หากคุณไม่สามารถหาเวลาที่ยืดหยุ่นได้ในแต่ละวัน ลองแบ่งกิจกรรมออกเป็นส่วนย่อยที่สั้น ๆ เช่น 10-15 นาที บางครั้งก็เพียงพอที่จะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีพลังงาน 4. เลือกกิจกรรมที่เพลิดเพลิน การเลือกกิจกรรมที่คุณเพลิดเพลินและไม่ใช่ภาระจะช่วยให้คุณมีความกระฉับกระเฉงมากขึ้นในการออกกำลังกาย เช่น การเต้นรำ, โยคะ, หรือการเดินป่า 5. ใช้โอกาสในชีวิตประจำวัน ใช้โอกาสในชีวิตประจำวันให้เป็นโอกาสในการออกกำลังกาย เช่น การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์, การเดินไปยังสถานที่ใกล้เคียงในเวลากลางวัน, หรือการทำงานออกแรงที่ทำให้คุณได้เคลื่อนไหวมากขึ้น การยุ่งจนไม่มีเวลาออกกำลังกายไม่ควรเป็นเหตุผลในการทำให้คุณสูญเสียการดูแลสุขภาพ ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ คุณสามารถเพิ่มความกระฉับกระเฉงในการออกกำลังกายได้และรักษาสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน อ้างอิง ThaiSook

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพสำหรับวัยทำงาน  แนวทางง่ายๆ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข

การดูแลสุขภาพของวัยทำงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องเผชิญกับความเครียดและการทำงานหนักมากที่สุด การดูแลสุขภาพในวัยนี้จึงไม่ใช่แค่การป้องกันโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสมดุลในชีวิตประจำวันที่จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วย นี่คือคำแนะนำในการดูแลสุขภาพของวัยทำงาน 1. การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์เป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ควรรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์และน้ำตาลสูง และเลือกอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง เช่น ปลา ไก่ ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น 2. การออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและรักษาความสมดุลของร่างกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ หรือการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก การเล่นโยคะ เป็นต้น 3. การพักผ่อนที่เพียงพอ การนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนเป็นสิ่งสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกายและสมอง ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน เช่น ห้องที่มืด สงบ และเย็น และควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 4. การจัดการความเครียด ความเครียดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวัยทำงาน แต่สามารถจัดการได้ด้วยการฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ การนั่งสมาธิ หรือการทำโยคะ นอกจากนี้ยังควรหางานอดิเรกที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น … Read more

มีสุขภาพดีได้ด้วย 3 อ. (อาหาร, ออกกำลังกาย, อารมณ์) สำหรับวัยทำงาน

การมีสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะในวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความเครียดและการทำงานหนัก การดูแลสุขภาพในวัยนี้สามารถทำได้โดยการปฏิบัติตามหลักการ “3 อ.” ซึ่งประกอบด้วย อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ ดังนี้: 1. อาหาร การรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสุขภาพ ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ 2. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 3. อารมณ์ การจัดการอารมณ์และความเครียดเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพจิต ควรหาวิธีผ่อนคลายและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการทำงาน การปฏิบัติตามหลักการ “3 อ.” อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้วัยทำงานมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและทำให้มีความสุขในชีวิตประจำวัน อ้างอิง ThaiSook

วิธีง่ายๆ ในการกินผักให้ครบ 400 กรัมต่อวัน สุขภาพดีเริ่มต้นที่จานอาหารของคุณ

การรับประทานผักให้เพียงพอในแต่ละวันมีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพ โดยองค์การอนามัยโลกแนะนำให้เราควรบริโภคผักและผลไม้รวมกันอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นและช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ แต่สำหรับหลายคน การกินผักให้ได้ปริมาณนี้อาจดูเป็นเรื่องท้าทาย นี่คือเคล็ดลับในการกินผักให้ได้ 400 กรัมใน 1 วัน 1. เริ่มวันด้วยผัก 2. เพิ่มผักในมื้อกลางวัน 3. ทำผักเป็นของว่าง 4. เพิ่มผักในมื้อเย็น 5. เตรียมผักล่วงหน้า 6. ใช้ผักเป็นส่วนประกอบหลัก การรับประทานผักให้ได้ 400 กรัมใน 1 วันไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีการวางแผนและเตรียมตัวให้ดี ผักเป็นแหล่งสำคัญของวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การเพิ่มปริมาณผักในแต่ละมื้อจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากโรคเรื้อรังต่าง ๆ อ้างอิง ThaiSook

GOOD FATS ไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

ไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารที่ร่างกายต้องการในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ไขมันทุกชนิดจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ไขมันที่ดี หรือไขมันไม่อิ่มตัว เป็นไขมันที่มีประโยชน์และสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายได้ ซึ่งแตกต่างจากไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ที่มีแนวโน้มทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ประเภทของไขมันดี ไขมันดีแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fats) และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fats) ประโยชน์ของไขมันดี แหล่งอาหารที่มีไขมันดี การบริโภคไขมันดีเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาสุขภาพที่ดี เราควรเลือกบริโภคไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและเชิงเดี่ยวให้มากขึ้นแทนการบริโภคไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ การเลือกอาหารที่มีไขมันดีเป็นประจำจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคไขมันที่ไม่ดี อ้างอิง ThaiSook

รู้หรือไม่ว่า การกินผักผลไม้ให้ครบ 5 สี ดีต่อสุขภาพของเราอย่างไร?

ผักและผลไม้แต่ละสีมีสารอาหารและวิตามินที่แตกต่างกัน การกินผักผลไม้หลากสีสัน เปรียบเสมือนการเติมสีสันให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ ประโยชน์ของการกินผักผลไม้ครบ 5 สี: ตัวอย่างเมนูอาหารครบ 5 สี: การกินผักผลไม้ครบ 5 สี เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้มีสุขภาพดี ห่างไกลโรค ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เป็นนิสัย เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว อ้างอิง ThaiSook

สุขภาพดี เริ่มต้นง่ายๆ กับการออกกำลังกายในวัยทำงาน

ในปัจจุบันชีวิตการทำงานเต็มไปดวยความเร่งรีบ ทำให้ละเลยการดูแลสุขภาพ เลยส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะโรคติดต่อไม่เรื้อรัง หรือ NCDs เช่น เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันสะสม เป็นต้น การออกกำลังกายจึงเป็นหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยป้องกัน และชะลอความเสื่อมของร่างกาย ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงขึ้น ดังนั้นการออกกำลังกายควรออกอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน แบ่งการออกกำลังกายเป็น 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ การเลือกออกกำลังกายสำหรับวัยทำงาน ควรเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับความชอบและร่างกายของเรา ในช่วงแรกอาจจะพยายามเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันต่างๆ ทั้งในที่ทำงาน บ้าน หรือระหว่างการเดินทางให้มากที่สุด จากนั้นค่อยๆ เพิ่มการออกกำลังกายอย่างอื่นเข้ามา เช่น คาร์ดิโอ: เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ เสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือด สร้างกล้ามเนื้อ: ยกน้ำหนัก ดึงข้อ บอดี้เวท ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก ยืดเหยียด: โยคะ พิลาทิส … Read more