เปิดรับสมัคร กิจกรรม ThaiSook Coach SS3

กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรม การโค้ชปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะที่ 3 (ThaiSook Coach SS3) สำหรับพนักงาน สวทช. และประชาคม อวท. เปิดรับสมัคร :  ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พฤษภาคม 2568  สมัครได้ที่ >> ThaiSook Coach SS3 << วิธีการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม รับจำนวน 50 คน (หากมีผู้สมัครเกิน จะให้สิทธิผู้ไม่เคยเข้าร่วมโครงการก่อน จากนั้นจะใช้วิธีสุ่ม) คุณสมบัติ *ผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการ NSTDA PILM ก็สามารถสมัครได้ **รับจำนวน 50 คน หากมีผู้สมัครเกิน จะให้สิทธิผู้ไม่เคยเข้าร่วมโครงการก่อน จากนั้นจะใช้วิธีสุ่ม สิ่งที่ผู้ร่วมโครงการจะได้รับ โค้ชโครงการ NSTDA PILM 2 ประกอบไปด้วย เงื่อนไขสมัครเข้าร่วม ผู้เข้าร่วมโครงการต้องจ่ายค่ามัดจำ 500 บาท (ได้คืนเมื่อสิ้นสุดโครงการและเข้าร่วมกิจกรรมครบตามที่โค้ชกำหนด) 📢ผู้สนใจสามารถสมัครผ่าน Google Form ได้ที่: : https://forms.gle/oiMMSZm2dLh3FbET6

เคล็ดลับโภชนาการ ฟื้นฟูร่างกายหลังวันทำงานโหด

ทุกวันนี้หลายคนต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน นั่งประชุมยาว ๆ หรือมีภาระงานที่ต้องใช้พลังสมองและร่างกายติดต่อกันหลายชั่วโมง สิ่งที่ตามมาคือ ความล้า ปวดเมื่อยตัว สมาธิลดลง และในระยะยาวอาจเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือกลุ่มออฟฟิศซินโดรม ดังนั้น การเลือกกินอาหารที่เหมาะสมจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วย “บำรุง” ร่างกายและสมองให้พร้อมรับมือกับงานหนัก และลดผลกระทบจากการนั่งนานได้ หลักการเลือกอาหาร สำหรับคนทำงานหนัก-นั่งนาน อาหารแนะนำที่ควรใส่ใจ 1. โปรตีนคุณภาพดี โปรตีนมีบทบาทในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่อาจล้าและตึงตัวจากการนั่งท่าเดิมนาน ๆ ตัวอย่างอาหาร: เคล็ดลับ: พยายามกระจายโปรตีนในแต่ละมื้อ ไม่ต้องรอทานรวบยอดตอนเย็น 2. ไขมันดี ไขมันดีจำเป็นต่อการทำงานของสมอง และช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ตัวอย่างอาหาร: เคล็ดลับ: ใส่น้ำมันมะกอกในสลัด หรือกินปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง 3. ผักและผลไม้หลากสี ให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูเซลล์ร่างกายจากความเครียดสะสม ตัวอย่างอาหาร: เคล็ดลับ:พยายามเลือกผักหลายสีในแต่ละมื้อ ยิ่งหลากสี ยิ่งได้สารต้านอนุมูลอิสระครบถ้วน 4. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อคงระดับน้ำตาลในเลือดให้เสถียร และไม่ทำให้เพลียระหว่างวัน ตัวอย่างอาหาร: เคล็ดลับ: … Read more

การกินแบบ Ketogenic ดีต่อสุขภาพจริงไหม?

ทุกวันนี้กระแส “กินคีโต” หรือ Ketogenic diet กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า วิธีการกินแบบนี้ดีต่อสุขภาพจริงหรือเปล่า? แล้วมันเหมาะกับเราหรือไม่? บทความนี้จะพาไปรู้จักกับคีโตเจนิกแบบเข้าใจง่าย พร้อมข้อดี ข้อควรระวัง และแนวทางเบื้องต้นสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้น คีโตเจนิกไดเอทคืออะไร? การกินแบบคีโตเจนิก (Ketogenic Diet) คือการปรับรูปแบบการกินโดยลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงอย่างมาก (เช่น งดข้าว น้ำตาล และแป้ง) และเพิ่มการกินไขมันดีแทน เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “คีโตซิส (Ketosis)” ซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายหันมาใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก แทนน้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรต หลักการของการกินคีโต สัดส่วนของสารอาหารหลักที่แนะนำในการกินคีโตคือ: อาหารที่ควรกิน เช่น เนื้อสัตว์, ไข่, ปลา, น้ำมันมะพร้าว, ชีส, ผักใบเขียวอาหารที่ควรงด เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ผลไม้ที่หวานจัด และอาหารแปรรูป ข้อดีของการกินแบบคีโต ข้อควรระวัง คีโตเหมาะกับใคร? การกินคีโตอาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเร็ว หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่ควรทำด้วยความรู้และการวางแผนที่ดี หรือปรึกษานักโภชนาการ/แพทย์ก่อนเริ่ม โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจำตัว การกินแบบคีโตเจนิกมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด หากวางแผนดีและเลือกกินอย่างถูกต้องก็สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพได้ แต่ไม่ใช่ … Read more

เลือกใช้น้ำมันให้ถูก ช่วยสุขภาพดีได้ง่ายๆ

น้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? และแต่ละชนิดควรใช้ยังไงให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ? ทำความรู้จักน้ำมันที่เรากินเข้าไปทุกวัน น้ำมันปรุงอาหารเป็นส่วนสำคัญของการทำอาหาร ไม่ว่าจะทอด ผัด หรือแม้แต่น้ำสลัด น้ำมันเหล่านี้ไม่ได้แค่เพิ่มรสชาติ แต่ยังมีผลต่อสุขภาพของเราอีกด้วย โดยน้ำมันแต่ละชนิดมีองค์ประกอบและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทำให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป น้ำมันประกอบด้วยอะไร? น้ำมันพืชหรือไขมันที่ใช้ในการปรุงอาหาร ประกอบไปด้วยกรดไขมัน 3 ประเภทหลัก: 🧂 เปรียบเทียบน้ำมันยอดนิยมแต่ละชนิด พร้อมวิธีใช้ ชนิดน้ำมัน จุดเด่น จุดเดือด (°C) เหมาะกับ ข้อควรระวัง น้ำมันมะพร้าว หอม ทนร้อนดี มีกรดลอริค ~177-200°C ผัด ทอด ทำขนม ไขมันอิ่มตัวสูง น้ำมันปาล์ม ราคาถูก ทนร้อนดีมาก ~230°C ทอดลึก ถ้าซื้อมาจากแหล่งไม่ได้มาตรฐาน อาจมีสารตกค้าง น้ำมันถั่วเหลือง มีโอเมก้า 6 สูง ~160-210°C ผัด อบ ทำซอส ไม่เหมาะกับทอดแรง น้ำมันข้าวโพด มีวิตามินอี ~232°C ผัดเบา ๆ … Read more

รู้จักไฟโตนิวเทรียนท์ สารอาหารจากธรรมชาติที่ไม่ควรมองข้าม

ไฟโตนิวเทรียนท์คืออะไร? ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) หรือที่บางคนเรียกว่า ไฟโตเคมิคอล (Phytochemicals) คือ สารประกอบตามธรรมชาติที่พบในพืช เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว และสมุนไพรต่างๆ ซึ่งไม่ใช่สารอาหารหลักเหมือนโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมัน แต่ก็มีประโยชน์มากต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด คำว่า “ไฟโต (phyto)” มาจากภาษากรีก แปลว่า “พืช” นั่นเอง ประเภทของไฟโตนิวเทรียนท์ที่สำคัญ 1. แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) 2. โพลีฟีนอล (Polyphenols) 3. ไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) 4. ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) 5. แซพโonin (Saponins) ไฟโตนิวเทรียนท์กับ “สีสันของอาหาร” หนึ่งในวิธีง่ายๆ ในการเลือกกินอาหารที่มีไฟโตนิวเทรียนท์สูง คือ สังเกตจากสีของผักผลไม้ เพราะแต่ละสีมีสารที่แตกต่างกัน เช่น: สีของอาหาร ไฟโตนิวเทรียนท์เด่น ตัวอย่างอาหาร … Read more

พรีไบโอติกส์คืออะไร? เคล็ดลับสุขภาพดีสำหรับคนไม่กินผัก

พรีไบโอติกส์คืออะไร? พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คือเส้นใยอาหารประเภทหนึ่งที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้โดยตรง แต่มีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ (Probiotics) ซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพลำไส้ ส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย พรีไบโอติกส์มีอยู่ในอาหารหลายชนิดและเป็นส่วนสำคัญของอาหารที่ช่วยรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ประโยชน์ของพรีไบโอติกส์ แหล่งของพรีไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์พบได้ในอาหารจากธรรมชาติหลายชนิด แม้ว่าคุณจะไม่ชอบกินผัก แต่ก็ยังสามารถได้รับพรีไบโอติกส์จากแหล่งอื่น ๆ เช่น สำหรับคนไม่กินผัก ควรทำอย่างไร? หากคุณไม่ชอบกินผักแต่ต้องการได้รับพรีไบโอติกส์ คุณสามารถทำตามวิธีเหล่านี้: พรีไบโอติกส์เป็นองค์ประกอบสำคัญของสุขภาพลำไส้ที่ไม่ควรมองข้าม แม้ว่าคุณจะไม่ชอบกินผักก็ยังสามารถได้รับพรีไบโอติกส์จากอาหารอื่น ๆ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ การบริโภคพรีไบโอติกส์เป็นประจำช่วยส่งเสริมระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่าย เสริมภูมิคุ้มกัน และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง ดังนั้น หากคุณต้องการสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมการกินและเสริมพรีไบโอติกส์ในชีวิตประจำวันของคุณ! อ้างอิง

หลักการ FITT: เคล็ดลับออกกำลังกายให้สุขภาพดีแบบยั่งยืน

การออกกำลังกายเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย แต่การออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยนั้นต้องอาศัยหลักการที่ถูกต้อง หนึ่งในแนวทางสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและฟิตเนสแนะนำคือ หลักการ FITT ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้การออกกำลังกายเกิดประโยชน์สูงสุด และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หลักการ FITT คืออะไร? หลักการ FITT เป็นแนวทางที่ใช้กำหนดรูปแบบการออกกำลังกาย โดยประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่: วิธีออกกำลังกายที่ถูกต้อง การออกกำลังกายที่ถูกต้องควรคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บ โดยสามารถปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้: 1. วอร์มอัพและคูลดาวน์ 2. เลือกประเภทของการออกกำลังกายให้เหมาะสม 3. รักษาระดับความหนักที่เหมาะสม 4. รักษาท่าทางที่ถูกต้อง 5. ให้ร่างกายได้พักผ่อน 6. ดื่มน้ำให้เพียงพอ 7. รับประทานอาหารที่เหมาะสม หลักการ FITT เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และตอบโจทย์เป้าหมายด้านสุขภาพของแต่ละบุคคล การออกกำลังกายที่ถูกต้องควรเริ่มจากการวางแผนที่ดี ปรับความหนักให้เหมาะสม และฟังสัญญาณของร่างกายเสมอ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ อ้างอิง

ก้าวสู่สุขภาพ ล้านก้าว ล้านความสุข Millions Step Challenge

📅 ระยะเวลา: 21 มีค. – 15 พ.ค. 2568
🏅 จัดโดย : ไทยสุข ร่วมกับ สำนักการแพทย์ 3 ส่วนราชการ ได้แก่ สำนักงานเลขานุการ สำนักงานพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์

🏆ประกาศรางวัล🏆

ติดต่อรับรางวัลได้ที่ INBOX FACEBOOK >>ThaiSook ไทยสุข<< กิจกรรม 6000 Step 6 Weeks Challenge Season 4📅ระยะเวลาการแข่งขัน 6 มกราคม – 16 กุมภาพันธ์ 2568 *ผู้ที่ได้รับรางวัล รบกวนแคปรูปหน้าแอปไทยสุข ส่งมาทาง inbox เพจ FACEBOOK ไทยสุข*ติดต่อรับรางวัลได้ตั้งแต่ วันนี้ – 4 เม.ย. 2568 กิจกรรม Thaisook Virtual Health📅ระยะเวลาการแข่งขัน 1 กุมภาพันธ์ – 28 กุมภาพันธ์ 2568 *ผู้ที่ได้รับรางวัล รบกวนแคปรูปหน้าแอปไทยสุข ส่งมาทาง inbox เพจ FACEBOOK ไทยสุข*ติดต่อรับรางวัลได้ตั้งแต่ วันนี้ – 4 เม.ย. 2568