ในยุคที่หน้าจอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน การใช้งานโซเชียลมีเดียและเวลาที่ใช้กับอุปกรณ์ดิจิทัล (Screen Time) กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญด้านสุขภาพจิตของคนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้แต่วัยรุ่นที่เติบโตมากับสมาร์ตโฟน การใช้งานเหล่านี้ส่งผลต่อทั้ง ระดับความเครียด คุณภาพการนอน และสมดุลทางอารมณ์ มากกว่าที่หลายคนคิด
Social Media ความสัมพันธ์กับความเครียดและสุขภาพจิต
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า การใช้โซเชียลมีเดียในปริมาณมาก โดยเฉพาะการเลื่อนฟีดแบบไม่หยุดพัก (doomscrolling) อาจทำให้เกิดผลกระทบดังนี้

1) เพิ่มระดับความเครียด (Stress)
- การรับข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก โดยเฉพาะข่าวลบหรือข่าวเร่งด่วน ส่งผลให้สมองอยู่ในภาวะตื่นตัวตลอดเวลา
- การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เช่น ไลฟ์สไตล์ ความสำเร็จ หรือรูปร่าง ทำให้เกิดความรู้สึก “ไม่เพียงพอ” (social comparison)
งานวิจัยสนับสนุน
American Psychological Association (APA, 2022) พบว่าการใช้ Social Media เกี่ยวข้องกับระดับความเครียดและความวิตกกังวลที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น

2) เพิ่มโอกาสเกิดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
การศึกษาจาก Royal Society for Public Health (RSPH, 2020) รายงานว่า ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบ่อยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่ออาการวิตกกังวลและซึมเศร้า เนื่องจากปัจจัยการเปรียบเทียบทางสังคม และ fear of missing out (FOMO)
Screen Time สูง ส่งผลต่อวงจรชีวภาพและการนอน



เมื่อเราใช้หน้าจอเป็นเวลานาน โดยเฉพาะก่อนนอน ร่างกายจะได้รับแสงสีฟ้า (Blue light) ที่มีผลต่อฮอร์โมนการนอนอย่าง เมลาโทนิน ทำให้หลับยากและคุณภาพการนอนลดลง
1) แสงสีฟ้ารบกวนการหลั่งเมลาโทนิน งานวิจัยจาก Harvard Medical School (2019) พบว่าแสงสีฟ้าสามารถยับยั้งการสร้างเมลาโทนินได้มากกว่าแสงชนิดอื่นถึง 2 เท่า ส่งผลให้รู้สึกตื่นตัวแม้ในช่วงก่อนนอน
2) ใช้มือถือก่อนนอนทำให้เวลาหลับลดลง National Sleep Foundation (2021) รายงานว่า ผู้ที่ใช้มือถือหรือแท็บเล็ตภายใน 1 ชั่วโมงก่อนนอน มีแนวโน้มหลับช้ากว่าปกติ 30–60 นาที และมีคุณภาพการนอนต่ำกว่า
3) การนอนผิดเวลา ทำให้สมองฟื้นตัวไม่เต็มที่ เมื่อวงจรการนอนถูกรบกวนจะส่งผลต่อการทำงานของสมอง เช่น ความจำ การตัดสินใจ และอารมณ์ในวันถัดไป
ความเครียด + นอนน้อย = วงจรที่ทำให้สุขภาพจิตแย่ลง
ความเครียดที่เกิดจากโซเชียล และการนอนหลับที่ถูกรบกวนจาก Screen Time จะส่งผลต่อกันเป็น “วงจรเชิงลบ” คือ
- เครียด → ใช้โซเชียลมากขึ้นเพื่อหนีความรู้สึก → นอนดึก
- นอนดึก → สมองล้า อารมณ์แปรปรวน → เครียดง่ายขึ้น
- เครียด → ใช้มือถือก่อนนอนอีก → วงจรไม่จบสิ้น
งานวิจัยของ Levenson et al., 2017 (University of Pittsburgh) ยืนยันว่า ความถี่ในการใช้โซเชียลมีเดียสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดปัญหานอนมากขึ้นถึง 3 เท่า
5 วิธีดูแลสุขภาพจิตให้ดีขึ้นในยุคดิจิทัล
✔ 1) กำหนด Digital Curfew หยุดใช้มือถืออย่างน้อย 60–90 นาที ก่อนนอน
✔ 2) จำกัด Screen Time ตั้งลิมิตรายวัน เช่น ไม่เกิน 3 ชั่วโมง หรือใช้ฟีเจอร์ Focus / Do Not Disturb
✔ 3) เลือกเสพสื่อเชิงบวก ติดตามเพจสุขภาพ การพัฒนาตนเอง และคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ
✔ 4) ทำกิจกรรมออฟไลน์ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ทำงานอดิเรก หรือคุยกับคนใกล้ตัวแบบตัวต่อตัว
✔ 5) จัดสภาพแวดล้อมการนอน ลดแสง ปิดการแจ้งเตือน ใช้โหมด Night Shift หรือ Blue Light Filter
อ้างอิง
- American Psychological Association. (2022). Stress in America Survey 2022: The State of Our Nation.
- Royal Society for Public Health. (2020). Status of Mind: Social media and young people’s mental health.
- Harvard Medical School. (2019). Blue light has a dark side.
- National Sleep Foundation. (2021). Sleep and Electronic Devices.
- Levenson, J. C., Shensa, A., Sidani, J. E., et al. (2017). The association between social media use and sleep disturbance among young adults. Preventive Medicine, 85, 36–41.
- Twenge, J. M. (2020). Social media use and mental health: A review. Current Opinion in Psychology.