รู้ก่อนเริ่ม! คีโต VS IF ต่างกันอย่างไร เลือกให้ตรงจุด ลดให้ได้ผลจริง

การลดน้ำหนักเป็นเป้าหมายยอดฮิตของหลายคน และหนึ่งในคำถามที่มักพบคือ “ควรเลือกวิธีไหนดี?” สองแนวทางยอดนิยมที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ คีโตเจนิค (Ketogenic diet) และ การจำกัดเวลาในการกิน (Intermittent Fasting หรือ IF) ทั้งสองวิธีมีหลักการที่ต่างกันอย่างชัดเจน และเหมาะกับคนละไลฟ์สไตล์ มาทำความเข้าใจข้อแตกต่าง ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับคุณมากที่สุด


1. หลักการของแต่ละวิธี

คีโตเจนิค (Ketogenic Diet)

  • เป็นการควบคุมอาหารโดยลดคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำมาก (ต่ำกว่า 50 กรัมต่อวัน) และเพิ่มไขมันให้สูง เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ คีโตซิส (Ketosis) คือ สภาพที่ร่างกายเปลี่ยนมาใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลักแทนน้ำตาล
  • สัดส่วนสารอาหารโดยทั่วไป:
    • ไขมัน: 70-75%
    • โปรตีน: 20-25%
    • คาร์โบไฮเดรต: 5-10%

✅ Intermittent Fasting (IF)

  • ไม่เน้นว่า “กินอะไร” แต่เน้นว่า “กินเมื่อไหร่”
  • คือการแบ่งช่วงเวลา อดอาหาร (Fasting) และ กินอาหาร (Feeding)
  • ตัวอย่าง IF ยอดนิยมคือแบบ 16:8 คือ อดอาหาร 16 ชั่วโมง และกินได้ภายใน 8 ชั่วโมง เช่น กิน 12:00 – 20:00 น.

2. การลดน้ำหนัก

เรื่องคีโตIF
กระบวนการลดน้ำหนักลดน้ำหนักโดยทำให้ร่างกายใช้ไขมันสะสมเป็นพลังงานลดแคลอรีจากการจำกัดช่วงเวลากิน
การเผาผลาญช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันโดยตรงการอดอาหารทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดเผาผลาญไขมันเมื่อไม่มีอาหาร
ความรวดเร็วน้ำหนักอาจลดเร็วในช่วงแรกจากการสูญเสียน้ำและไกลโคเจนน้ำหนักลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ยั่งยืน

3. ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธี

ข้อดีของคีโต

  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ลดความอยากอาหาร
  • อาจช่วยเพิ่มสมาธิและพลังงาน
  • เหมาะกับคนที่ชอบอาหารไขมันสูง เช่น อะโวคาโด เนื้อสัตว์ ไข่

ข้อเสียของคีโต

  • เข้าสังคมยาก (เพราะกินคาร์บไม่ได้)
  • มีอาการ “Keto flu” ในช่วงเริ่มต้น เช่น อ่อนเพลีย ปวดหัว
  • อาจขาดใยอาหาร วิตามินบางชนิดถ้าไม่วางแผนดี

ข้อดีของ IF

  • ยืดหยุ่น ไม่ต้องงดอาหารประเภทใด
  • ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน
  • ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร พักระบบทางเดินอาหารได้

ข้อเสียของ IF

  • อาจรู้สึกหิวมากในช่วงอดอาหาร โดยเฉพาะเริ่มต้น
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเบาหวานหรือเคยมีประวัติผิดปกติเรื่องการกิน
  • หากกินมากเกินในช่วง feeding จะไม่ลดน้ำหนัก

4. เหมาะกับใคร?

กลุ่มคนเหมาะกับคีโตเหมาะกับ IF
คนที่ติดหวาน / คาร์บ✅ มาก❌ อาจหิวบ่อย
คนทำงานเป็นกะ❌ ไม่แนะนำ✅ ปรับช่วง fasting ได้
คนมีโรคประจำตัว❌ ควรปรึกษาแพทย์❌ ควรปรึกษาแพทย์
คนที่ไม่อยากนับแคล✅ เพราะเน้นเปลี่ยนแหล่งพลังงาน✅ เพราะไม่ต้องนับแคลโดยตรง
คนเริ่มต้น⚠️ ต้องศึกษาเยอะ✅ เริ่มง่ายกว่า

5. คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น บางคนสามารถ ทำคีโตร่วมกับ IF ได้ ถ้าร่างกายตอบสนองดี
  • สำคัญที่สุดคือ ฟังร่างกายตัวเอง เลือกวิธีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และสุขภาพ
  • ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใด ควรควบคุมแคลอรีและออกกำลังกายร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

คีโต คือการ “เปลี่ยนชนิดอาหาร” ส่วน IF คือการ “เปลี่ยนเวลาที่กิน”
ทั้งสองวิธีมีข้อดีที่แตกต่างกัน ไม่มีสูตรตายตัว วิธีไหนจะดีที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าอะไรเหมาะกับคุณที่สุด
อย่าลืมว่าการลดน้ำหนักที่ดี ไม่ใช่แค่ลดเร็ว แต่ต้องปลอดภัย ยั่งยืน และสอดคล้องกับชีวิตประจำวันของคุณ

อ้างอิง

  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2565). คีโตเจนิค ลดน้ำหนักได้จริงหรือแค่กระแส? สืบค้นจาก https://www.thaihealth.or.th/Content/55173-คีโตเจนิค-ลดน้ำหนักได้จริงหรือแค่กระแส.html
  • กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2564). รู้อะไรเกี่ยวกับการกินแบบคีโตเจนิค. สืบค้นจาก https://multimedia.anamai.moph.go.th/infographic/กินแบบคีโตเจนิค/