ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) เปรียบเสมือนกองทัพป้องกันร่างกาย ที่ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ การดูแลและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่โรคติดต่อและมลภาวะมีมากขึ้น อาหารคือหนึ่งในวิธีธรรมชาติที่ช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องเสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหาร?
อาหารเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน เช่น เม็ดเลือดขาว, เซลล์ T, และแอนติบอดี การได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายสามารถตอบสนองต่อเชื้อโรคได้ดีขึ้น ฟื้นตัวเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วย
10 อาหารเสริมภูมิคุ้มกันที่ควรรู้จัก
1. ส้มและผลไม้ตระกูลส้ม (Citrus fruits)
เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต มีวิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นแนวหน้าในการต่อสู้กับเชื้อโรค
2. กระเทียม (Garlic)
มีสารอัลลิซิน (Allicin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรีย และต้านการอักเสบ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง
3. ขิง (Ginger)
ช่วยลดการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินหายใจ
4. โยเกิร์ต (Yogurt)
อุดมด้วยโปรไบโอติกส์ ซึ่งส่งเสริมสุขภาพลำไส้ และลำไส้ที่แข็งแรงสัมพันธ์กับภูมิคุ้มกันที่ดี
5. ผักใบเขียวเข้ม (Dark leafy greens)
เช่น คะน้า ผักโขม อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ และซี ซึ่งมีบทบาทในการเสริมสร้างเยื่อบุเซลล์ให้แข็งแรง
6. ถั่วและเมล็ดพืช (Nuts & Seeds)
อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน และเมล็ดฟักทอง มีวิตามินอี สังกะสี และกรดไขมันดี ช่วยป้องกันการอักเสบ
7. ขมิ้นชัน (Turmeric)
มีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
8. ชาเขียว (Green tea)
อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลีฟีนอล เช่น EGCG ที่ช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
9. เห็ดหลินจือ เห็ดชิตาเกะ (Medicinal mushrooms)
มีสารเบต้ากลูแคน ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว
10. ปลาไขมันสูง (Fatty fish)
เช่น แซลมอน ซาร์ดีน อุดมด้วยโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และส่งเสริมสุขภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน
วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อภูมิคุ้มกัน
- วิตามินซี – กระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดขาว
- วิตามินดี – ควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน
- สังกะสี (Zinc) – จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน
- ซีลีเนียม (Selenium) – ต้านอนุมูลอิสระ
- เหล็ก (Iron) – ช่วยส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ภูมิคุ้มกัน
🍽️ เคล็ดลับการกินเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
- ทานผักผลไม้หลากสีวันละ 5 ส่วน (5 servings)
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ วันละ 6-8 แก้ว
- ลดน้ำตาล ของทอด และอาหารแปรรูป
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
- พิจารณาอาหารเสริมเฉพาะเมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์
ปัจจัยอื่นที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
แม้อาหารจะมีบทบาทสำคัญ แต่การดูแลสุขภาพองค์รวมก็สำคัญเช่นกัน เช่น
- การนอนหลับให้เพียงพอ
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- การจัดการความเครียด
- การไม่สูบบุหรี่ และลดการดื่มแอลกอฮอล์
อาหารเสริมภูมิคุ้มกันไม่ใช่แค่ “อาหารเสริม” แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ควรให้ความสำคัญ การเลือกอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น จะช่วยให้ร่างกายของเรามีเกราะป้องกันที่แข็งแรง พร้อมเผชิญกับเชื้อโรคและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ
อ้างอิง
- World Health Organization. (2020). Healthy diet during COVID‑19 pandemic. สืบค้นจาก https://www.who.int/campaigns/connecting-the-world-to-combat-coronavirus/healthyathome/healthyathome—healthy-diet who.int
- World Health Organization. (2020). Coronavirus disease (COVID‑19): Food safety and nutrition. สืบค้นจาก https://www.who.int/news-room/questions-and-answers/item/coronavirus-disease-covid-19-food-safety-and-nutrition who.int
- The Times of India. (4 June 2025). 6 superfoods that naturally boost immunity in children. สืบค้นจาก https://timesofindia.indiatimes.com/life-style/food-news/6-superfoods-that-naturally-boost-immunity-in-children/photostory/121617812.cms timesofindia.indiatimes.com
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2564). สุดยอดอาหาร เพิ่มภูมิคุ้มกัน “โพรไบโอติกสูง”. สืบค้นจาก Facebook เพจ สสส. th.wikipedia.org+3facebook.com+3rama.mahidol.ac.th+3